| Phone: 087-727-8728 | Line ID: Pakka.in.th | Email: support@pakka.in.th |
โดยธรรมชาติของ SEO นั้นเป็นการตลาดที่คาดเดาผลการดำเนินการได้ยาก
เฉกเช่น Viral marketing
ถ้าให้เปรียบเทียบกับธุรกิจ จะมีความคล้ายคลึงกับ อู่ซ่อมรถยนต์ หรือแม้กระทั่งธุรกิจการเสริมสวย
เหตุผลคือไม่ว่าผู้ให้บริการจะมีฝีมือมากเท่าใด แต่ไม่สามารถดำเนินการให้ลุล่วงไปได้ทุกกรณีเสมอไป
เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่แปรผันได้แตกต่างกัน
ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้นักการตลาดทั้งหลาย ฉงน กับ SEO เพราะต่างจากการตลาดช่องทางอื่นๆ ครับ
SEO ไม่สามารถใช้งานได้กับทุกเว็บไซต์
เสริมข้อมูลในหัวข้อด้านบน ผมจะยกตัวอย่างกรณีของลูกค้าที่เคยพบเห็นนะครับ
กล่าวคือ มีลูกค้าอยู่ท่านหนึ่งวางแผนที่จะครอบครองผลการค้นหาในคีย์เวิร์ดทั้งหมด 5 ตำแหน่ง
และได้จัดทำเว็บไซต์ขึ้นมาใหม่ 5 เว็บไซต์ โดยมีการปรับปรุงโครงสร้างหน้าเว็บไซต์ (Onpage)
รวมถึงจ้างทำ SEO (Offpage) คล้ายคลึงกัน แต่ผลลัพธ์กับพบได้ว่า 4 ใน 5 เว็บไซต์เท่านั้นที่ทำอันดับได้
ตรงจุดนี้เป็นเหตุการณ์ที่ผมพบบ่อยครับ ราว 20% ของเว็บไซต์ทั้งหมดจะไม่สามารถทำอันดับได้เลย
เหตุผลที่ผมพอจะคาดเดาได้ก็คือ เว็บไซต์ทั่วโลกที่เปิดใหม่ในแต่ละวันนั้น มีจำนวนมากมายมหาศาลเกินกว่า
ที่ทางระบบอัลกอริทึ่มกูเกิ้ล จะเก็บมาจัดอันดับได้ทั้งหมด
20% ที่ไม่อาจทำอันดับได้ อาจเกิดจากการตกหล่น, หรือข้อผิดพลาดในอัลกอริทึ่มใดๆ ก็เป็นได้ครับ
ตรงจุดนี้แก้ไขได้โดย หากเป็นไลน์สินค้าที่เปิดใหม่ควรมีการทำเว็บไซต์สำรองเผื่อปัญหาในจุดนี้เอาไว้ครับ
เว็บไซต์เปิดใหม่ยังไม่ควรรีบทำ SEO
หนึ่งในข้อมูลเด่นที่ลูกค้าส่วนใหญ่ยังไม่ทราบก็คือ เมื่อเปิดเว็บไซต์ขึ้นมาแล้วควรรอเว็บไซต์ให้มีอันดับ (ใดๆ ก็ได้)
บนคีย์เวิร์ดนั้นก่อน โดยหากนับจากเวลาที่เปิดเว็บไซต์ใหม่จะสุ่ม 1-2-3-4-5-6 เดือน แตกต่างกันไป
ทั้งนี้ตัวแปรนี้มีขึ้นมาเพื่อป้องกันเหล่าเว็บไซต์สแปมครับ โดยการทำ SEO ใดๆ ในช่วงระยะเวลานี้ จะไม่เห็นผลเลยครับ
(เพราะอันดับจะยังไม่มา และไม่มีการขยับ หรือเร่งช่วงระยะเวลานี้แต่อย่างใด)
ในช่วงเวลาที่ยังไม่มีอันดับจึงยังไม่ควรจ้างทำ SEO ใดๆ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณ และอาจทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์
พ่วงโยงไปถึงการให้ร้ายว่าผู้ให้บริการที่รับงานทำงานไม่ดีอีกด้วยครับ
สรุป ข้อเท็จจริงของ SEO
- SEO ไม่อาจใช้ความเข้าใจว่า ชำระเงินเงินจ้างไปแล้วจะเห็นผลแน่นอน เฉกเช่นการตลาดอื่นๆ
ให้คิดเสมอว่าคล้ายกับการจ้างซ่อมรถ ซึ่งบางครั้งอาจไม่เห็นผลก็ได้ (แต่แน่นอนว่า SEO น่าทำมากครับ)
- หากทำ SEO อย่างไรก็แล้ว ไม่มีวี่แววว่าดีขึ้นเลย ให้พิจารณาเปลี่ยนเว็บไซต์เพราะอาจตก 20% กลุ่มที่ตกหล่น
ไม่สามารถทำอันดับได้ครับ
- ควรรอจนกว่าเว็บไซต์จะมีอันดับใดๆ ก็ได้ในคีย์เวิร์ดนั้นๆ ก่อนจ้างทำ SEO ครับ
เริ่มสนใจ ตัดสินใจจะทำ SEO
มาถึงในจุดนี้หลายๆ ธุรกิจอาจต้องเลือกระหว่างการทำ SEO ไปยัง เว็บไซต์, Social, หรือ Youtube
ซึ่งในการเลือกครั้งนี้ สามารถทำ SEO ได้ทั้งหมดถ้า URL ของเรามีอันดับแล้วบนกูเกิ้ลครับ
แต่มีข้อที่น่าสังเกตุดังนี้
1. ทางกูเกิ้ลแสดลผลลัพธ์ Web 2.0 (Social, Youtube, Facebook) จำกัดจำนวนในผลการค้นหา
สุ่มไปตั้งแต่ ไม่มีเลย จนถึง 3 URL ครับ
2. และในจำนวนของข้อ 1. มีโอกาสที่จะเพิ่ม หรือลดเมื่อใดก็ได้
โดยจำนวนดังกล่าวเป็นความเสี่ยงต่อความมั่นคงของธุรกิจมากครับ เพราะยังไม่มีที่ใดทราบแน่ชัด
ในแง่ของปัจจัยที่คัดเลือก Web 2.0 มา มีอันดับ
ทั้งนี้ผมแนะนำว่าถ้ามีเว็บไซต์เป็นตัวเลือก ใช้เว็บไซต์ทำ SEO จะมั่นคงที่สุดครับ
รูปแบบการทำหละ
โดยปกติแล้ว SEO จะแบ่งแพคเกจในการเลือกทำได้ 2 แบบ คือ แบบประกัน และไม่ประกันอันดับ
SEO แบบไม่รับประกันอันดับหมายถึง
เมื่อลูกค้าสั่งดำเนินการแล้ว ตอนจบงาน อันดับอาจขึ้นไม่ถึงตามที่ตกลงกันไว้ในครั้งแรกครับ
เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่อาจเปลี่ยนแปลง เช่น การแข่งขันที่เปลี่ยนแปลงตามระยะเวลาที่รอดำเนินการครับ
ส่วน SEO แบบประกันจะต่างกันตรงที่ถ้าหากอันดับขึ้นไม่ถึงตามที่ตกลงกันไว้ ทางลูกค้าจะมีสิทธิเลือกคืนเงินได้ครับ
รวมถึงโดยส่วนใหญ่แล้ว เมื่อติดอันดับ จะยังมีสัญญารักษาอันดับไว้ประมาณ 1 ปีครับ
ทั้งนี้วิธีการเลือกว่าเหมาะกับแพคเกจใด ผมสรุปได้ดังนี้
1. ในฐานะที่ผมทำ SEO ครบวงจรตัว SEO แบบประกันจะมีความยาก, ความเสี่ยง, และค่าใช้จ่ายตลอดสัญญา
มากกว่าการทำ SEO แบบไม่ประกันอันดับครับ เพราะอย่าลืมว่ามีการรักษาอันดับเพิ่มเติมตามสัญญาครับ
2. เพราะฉะนั้นผมจึงแนะนำว่า SEO แบบไม่ประกัน จะเหมาะกับเวลาที่ลูกค้าไม่รู้มูลค่าของคีย์เวิร์ด, ไม่ทราบว่าเมื่อติดอันดับแล้ว
จะทำเงินให้มาก-น้อยแค่ไหน | SEO แบบประกัน จะเหมาะมากเมื่อลูกค้ารู้มูลค่าครับ เพราะสามารถคำนวณ
โอกาสรายได้ หักลบกับค่าใช้จ่ายคงที่รายปีได้ครับ
ตรวจสิ่งเหล่านี้ให้ดี ก่อนเลือกทำ SEO แบบรับประกันอันดับ
1. ช่องทางการชำระเงิน ควรเลือกและจ่ายผ่านผู้บริการที่รับบัตรเครดิต หรือ Paypal
เพราะหากมีปัญหาใดๆ กับผู้ให้บริการ ก็ยังอุ่นใจว่าสามารถทำเรื่องคืนเงินได้ โดยมีระยะเวลาแตกต่างกันดังนี้
Visa - 120 วัน - https://www.google.com/search?...8#q=visa+chargeback+time+limit
Paypal - 180 วัน https://www.google.com/search?...-8#q=paypal+dispute+time+limit
2. สัญญาการรับประกันที่เป็นธรรม และครบถ้วน ควรมีรายละเอียดสังเขปครอบคลุมหัวข้อดังนี้
(ค่าบริการ, โดเมน คีย์เวิร์ด และอันดับ, ระยะเวลาดำเนินการ และรักษาอันดับ) เป็นต้น
ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง
คัดกรองผู้ให้บริการ ระวังผลเสียระยะยาว
การเลือกผู้ให้บริการในการทำ SEO ก็เหมือนกับการเลือกผู้รับเหมาก่อสร้างในการสร้างสิ่งก่อสร้าง
เพราะหากทำไม่ดีประการใด ก็อาจส่งผลเสียในระยะยาวได้อย่างร้ายแรง
ทั้งนี้การคัดเลือกที่ง่ายที่สุด และสามารถแบ่งการทำได้ในระดับเบื้องต้นก็คือการตรวจสอบจากผลงานที่เคยทำผ่านๆมา
โดยอาจทำการตรวจสอบได้จากเครื่องมือตรวจสอบแบ๊คลิ้ง https://ahrefs.com
โดยดูที่กราฟว่าไม่ดูผิดธรรมชาติจนเกินไป
สังเกตุได้จากกราฟ 2 ประเภทนี้
เข้าใจความช้าในการทำ SEO
สิ่งหนึ่งที่อันตรายที่สุดในการทำ SEO คือความผิดปกติ และอาจเกิดขึ้นได้หากลูกค้าเฝ้าติดตามอันดับมากจนเกินไป
กรณีที่พบบ่อยคือ เมื่อลูกค้าเห็นว่าอันดับขึ้นช้าจากผู้ให้บริการแรก ก็อาจเกิดการว่าจ้างกับผู้บริการรายอื่นๆ มาเสริม
จนทำให้ผิดปกติ และเป็นผลเสียดังข้อบนก็เป็นได้
ทั้งนี้มีข้อแนะนำเพิ่มเติมดังนี้
- สำหรับลูกค้าที่เว็บไซต์ขนาดเล็ก (หน้าเว็บไซต์น้อยกว่า 100 หน้า, Backlink ใน ahrefs.com น้อยกว่า 500) ควรหยุด
การทำ SEO กับเจ้าอื่นๆ เป็นเวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน เพื่อไม่ให้เกิดการชนกัน
- สำหรับลูกค้าที่เว็บไซต์ขนาดใหญ่ (หน้าเว็บไซต์มากกว่า 100 หน้า, Backlink ใน ahrefs.com มากกว่า 500) ควรหยุด
การทำ SEO เฉพาะคีย์เวิร์ดที่จ้างทำ SEO ไปแล้วเป็นเวลาอย่างน้อย 3-4 เดือน
สรุป หลังตัดสินใจจะทำ SEO
- ผมแนะนำให้ทำ SEO กับเว็บไซต์จะมั่นคงในอันดับ และโอกาสทางธุรกิจมากที่สุดครับ
- SEO แบบไม่ประกัน เหมาะกับการทดลองดูโอกาสทำเงินของคีย์เวิร์ดนั้นๆ, ในขณะที่แบบประกัน เหมาะกับเมื่อรู้มูลค่าแล้ว
- SEO แบบประกันอันดับ ควรเลือกช่องทางการชำระเงินให้ปลอดภัย, และต้องได้สัญญาฉบับจริงเท่านั้น
- สำคัญมากที่ต้องเลือกผู้ให้บริการที่ดี และไม่ทำให้เกิดผลเสียในอนาคต โดยศึกษาได้จากการทำ SEO กับลูกค้าเก่าๆ
- เมื่อจ้างทำ SEO ไปแล้ว ไม่ควรเฝ้าติดตามจนรีบมากเกินไป เพราะอาจทำให้ตัดสินใจจ้างงานเพิ่ม และเกิดผลเสียขึ้นได้
แล้วเมื่อจ้างทำ SEO ไปแล้วหละ
อย่าลืมวัดผลลัพธ์ที่ทำ SEO ด้วยนะครับ โดยการวัดผลตอบรับทั้งก่อน-หลัง
การมีอันดับบนหน้าแรกกูเกิ้ล เพื่อวัดมูลค่าของคีย์เวิร์ดนั้นๆ และสามารถพิจารณาทำ SEO แบบรับประกันได้ต่อไป
ข้อควรทำ
- ดำเนินการทุกเรื่องที่ได้รับคำแนะนำจากผู้ให้บริการนั้นๆ
- เมื่อมีการวางแผนทำการตลาดที่ต้องแสดงผลลิ้งค์เว็บไซต์เรา ควรปรึกษาผู้ให้บริการก่อน
การตลาดที่ว่าอาทิ (Banner, การลงประกาศฟรี, โฆษณาฟรี, รับจ้างโพส, รับซับมิต, การใช้สคริปอัตโนมัติ,
รวมถึงการจ้างทำ SEO จากผู้ให้บริการอื่น)
ข้อห้าม
- มิควรปรับเปลี่ยนเนื้อหา หรือโครงสร้างบนหน้าเว็บให้แตกต่างไปจากเดิมมาก ก่อนปรึกษาผู้ให้บริการ
เพราะอาจส่งผลใหญ่กับอันดับที่มีอยู่ได้
- เมื่อต้องมีการแสดงผลลิ้งค์จากเว็บไซต์ใหญ่ๆ (มีหน้าเว็บไซต์เยอะ) ควรใช้ลิ้งค์ Nofollow เท่านั้น
เพื่อป้องกันผลเสียกับการทำ SEO
Code html: <a href="domain" rel="nofollow">Anchor</a>
สรุปบทสุดท้าย หลังจากทำ SEO
- เมื่อจ้างทำ SEO ไปแล้วควรเชื่อคำแนะนำของผู้ให้บริการอย่างดี และควรปรึกษาแผนการตลาดที่
มีผลกับจำนวนลิ้งค์, หรือมีการแก้ไขเว็บไซต์เรากับผู้ให้บริการทุกครั้ง
- วัดผลการทำ SEO เพื่อพิจารณาทำ SEO แบบรับประกันอันดับ จะช่วยให้นำหน้าโอกาสทางธุรกิจ
และประหยัดค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้
อนุญาตให้นำบทความ หรือส่วนหนึ่งของบนความไปใช้งานได้ โดยมีเงื่อนไขคือ
ต้องนำเครดิตไปแสดงผลบริเวณเดียวกันกับบทความ และใช้รูปแบบตัวอักษร, สี, และขนาดเดียวกันครับ
เครดิต: จัดทำและเผยแพร่บทความโดย
http://www.Pakka.in.th
การตลาดช่องทางใหม่ = กำไรที่มากขึ้น!
ขอบคุณครับ
